จากใบไม้ร่วงที่ไร้ราคา ตอนนี้ใบของต้นหมากในส่วนของกาบใบหรือ “กาบหมาก” กลายเป็นวัสดุธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีราคาและหายากไปแล้ว
หมากที่ว่าก็คือ “หมากสง” ที่คนไทยสมัยก่อนและหลายเชื้อชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมนำเมล็ดข้างในผลของมันมากินคู่กับใบพลูทาด้วยปูนแดง เคี้ยวด้วยกันจะมีน้ำหมากสีแดงออกมา ซึ่งต้องบ้วนทิ้ง
ปัจจุบันกาบหมากถูกนำมาใช้ผลิตเป็นภาชนะที่เรียกว่า “จานกาบหมาก” ในแบรนด์หรือยี่ห้อ “วีรษา” (Veerasa) ที่มีจุดเริ่มต้นจากฝีมือของทหารช่าง พ.ต.คมกฤษ ภิญโญ ที่ต้องการช่วยภรรยาคือ คุณสุมาลี ภิญโญ แก้ปัญหาเรื่องภาชนะในการจัดขันโตกนับร้อย ในงานประเพณีกินเข่าค่ำ ของดีเมืองสูงเนิน ของชาวอำเภอสูงเนิน จ.นครราชสีมา เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากทั้งคู่ไม่อยากใช้ภาชนะโฟม ซึ่งย่อยสลายยากและก่อให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อใช้ใบตองเย็บเป็นถ้วยก็เกิดปัญหารั่วซึม บางครั้งก็เย็บไม่ทันใช้ แถมบางคราวยังเหี่ยวแห้งเร็ว พอเปลี่ยนมาใช้ถ้วยกระเบื้อง นอกจากพบปัญหาแตกร้าวแล้วก็ยังสูญหายอีกด้วย
“คุณแป้ง” ปาณิศา คุ้มไข่น้ำ หนึ่งในผู้ดูแลธุรกิจจานกาบหมาก “วีรษา” วัย 26 ปี ชาวโคราช และในฐานะลูกสะใภ้ของ พ.ต.คมกฤษ และ คุณสุมาลี เล่าถึงจุดเริ่มต้นของจานกาบหมากว่า สมัยก่อนชาวอำเภอสูงเนินปลูกต้นหมากกันเยอะ ขายลูกหมากเป็นอาชีพ รวมถึงที่บ้านของสามี มีวันหนึ่งคุณแม่สุมาลีเห็นใบกาบหมากที่ร่วงอยู่ตามท้องร่อง จึงเกิดความคิดและคุยกับคุณพ่อว่าน่าจะเอามาทำภาชนะ นำมาเย็บหรือขึ้นรูปได้ คุณพ่อซึ่งเป็นทหารช่างและมีฝีมืออยู่แล้ว จึงลองประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรขึ้นมา จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ได้ภาชนะจากกาบหมากไปใช้จัดขันโตก และจากเครื่องจักรเล็กๆ ที่ใช้ผลิต ปัจจุบันมีแม่พิมพ์ที่หลากหลายรูปแบบที่เหมาะสมตามการใช้งาน
"ตอนแรกเราทำเฉพาะที่ใช้ในการจัดขันโตก แต่มีคนสนใจและสั่งทำ เราก็ทำให้ตามออเดอร์เท่านั้น ไม่ใช่กิจการใหญ่โตอะไร ซึ่งทำมาตั้งแต่ปี 2539 แต่ว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมในตัวผลิตภัณฑ์จากสิ่งแวดล้อมเป็นที่สนใจของผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้ยอดสั่งซื้อขยับตามไปด้วย จนครอบครัวต้องหันมาทำเป็นธุรกิจจริงจัง โดยเปิดบริษัท ภิญโญวานิช จำกัด ขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว"
เสน่ห์ของจานกาบหมาก “วีรษา” อยู่ที่การเป็นภาชนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยคุณแป้งบอกว่า ผลิตจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสารฟอกขาวและสารเคมีเจือปน สามารถย่อยสลายได้เอง มีกลิ่นหอมและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ น้ำหนักเบา ไม่แตกหักเสียหายง่าย สามารถนำเข้าไปอุ่นในเตาไมโครเวฟได้ บรรจุของเหลวได้ ไม่รั่วซึมและไม่อ่อนตัว ใส่อาหารได้ทุกประเภททั้งร้อนและเย็น ตั้งแต่อุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส จนถึง 250 องศาเซลเซียส
"เราเอาของธรรมชาติมาใช้ จึงไม่มีโทษอะไรอยู่แล้ว หากมองถึงเรื่องสุขภาพ ถ้าเราใช้พลาสติกและโฟมทุกวันก็เหมือนกับการมีสารเคมีเข้าไปสะสมในร่างกาย เรื่องราคาซึ่งอาจดูสูงไปหน่อยแต่ก็เหมือนกับเราซื้อสิ่งดีๆให้ตัวเองเพื่อใช้ใส่อาหารรับประทาน อีกทั้งยังเป็นการช่วยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะใบกาบหมาก เรารอให้เขาร่วงลงมาจากต้นเอง จึงเก็บมาใช้ ไม่ได้ไปดึงออกมาจากต้นตัดแต่งหรือทำลายเขา" คุณแป้งกล่าว
ด้วยคุณภาพของจานกาบหมาก “วีรษา” ที่บอกต่อปากต่อปาก และการออกรายการทีวีต่างๆ ทำให้ฐานลูกค้าเดิมตั้งแต่ยังไม่ก่อตั้งบริษัทยังคงเหนียวแน่นและใช้บริการมาอย่างต่อเนื่องทั้งผู้จัดงานอีเวนท์, รีสอร์ท, โรงแรมและร้านอาหารต่างๆ แต่นั่นก็เป็น “การตลาดเชิงรับ” เพราะมีแต่ลูกค้าติดต่อเข้ามา แม้มันจะทำให้ยอดขายเพิ่มจากหลักสิบกลายมาเป็นหลักหมื่นในปัจจุบัน ซึ่งขายดีมากๆ โดยเฉพาะหน้าหนาวที่ถูกนำไปใช้ตามงานอีเวนท์ต่างๆ เช่น บิ๊กเมาท์เท่น และวันเดอร์ฟรุต เป็นต้น แต่คุณแป้งและครอบครัวมองว่าควรจะทำ “การตลาดเชิงรุก” ด้วย
นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้บริษัท ภิญโญวานิช หันมาทำ “การตลาดออนไลน์” ด้วยการเปิดเว็บไซต์ : www.veerasa.com, อินสตาแกรม : veerasaplate Line: @paninisaและเฟซบุค: จานกาบหมาก Veerasa ซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว อีกทั้งได้ผลตอบรับรวดเร็วกลับมาเช่นกัน และยังติดต่อได้ทางโทรศัพท์ 09-4290-8735, 08-9579-2112
บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์ในการขาย จากเดิมที่ “ขายส่ง” เพียงอย่างเดียวตอนนี้วางแผน “ขายปลีก” เพิ่มด้วยโดยบรรจุ 6 ใบต่อแพ็ก เพื่อให้ผู้บริโภคตามครัวเรือนสามารถนำไปใช้ได้ และจะวางจำหน่ายใน “ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต” ต้นปี พ.ศ.2560 ขณะเดียวกันยังได้เน้นกลยุทธ์ในการผลิตคือการรักษาคุณภาพ ความสะอาด และพยายามปรับเปลี่ยนรูปทรงเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้บริโภค
การปรับกลยุทธ์ต่างๆ ใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป เพราะด้วยจำนวนความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่สอดคล้องกับจำนวนวัสดุธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ ทำให้บริษัท ภิญโญวานิช ประสบปัญหาขาดแคลนกาบหมาก ต้องปฏิเสธการขายให้ลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าจากต่างประเทศที่สั่งสินค้าในปริมาณเท่ากับตู้คอนเทนเนอร์หลายตู้
"ก่อนหน้านี้มีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามาตลอด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากแถบยุโรป เขารับซื้อเป็นตู้คอนเทนเนอร์ แต่กำลังการผลิตของเรายังไม่มากพอที่จะรองรับออเดอร์เยอะขนาดนั้น จากปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทต้องวางแผนขยายกำลังการผลิตและขยายโรงงาน ด้วยการรับซื้อกาบหมากจากชาวสวนทั่วไป ขณะเดียวกันก็ปลูกเพิ่มเองด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี กว่าที่ต้นจะโตจนสามารถใช้งานได้ แต่ก็เชื่อว่าจะเพียงพอต่อความต้องการในอนาคตแน่นอน ส่วนตอนนี้จานกาบหมากวีรษายังเหลือเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ ยังสามารถสั่งซื้อเข้ามาได้" คุณแป้ง กล่าวทิ้งท้าย
จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันด้วยหัวใจที่รักธรรมชาติและไม่อยากให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมของ “พ.ต.คมกฤษ–คุณสุมาลี ภิญโญ” จึงก่อให้เกิดภาชนะจานกาบหมาก 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “วีรษา” ...สินค้าฝีมือคนไทยสินค้ารักษ์โลก
ปทุม กลิ่นหอม : รายงาน